ปัจจุบันนี้ ทุกๆ คน เข้า Google เป็นประจำเลยก็ว่าได้ แสดงให้เห็นว่า การหาคำตอบนั้นเป็นไปได้ในแต่ละวัน ดังนั้น การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ก็เป็นไปได้ทุกวันเช่นเดียวกันค่ะ

เพราะฉะนั้นการสร้างคอนเทนต์ในด้านบวกให้กับสินค้าของเรานั้น ย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ลองคิดภาพตามดูสิคะ หากเราต้องการค้นหาความเห็นเกี่ยวกับสินค้าที่เราต้องการใน Google แล้วเราพบเจอว่ามีคนให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้ามากมาย มันก็คงมีอิทธิพลมากต่อการตัดสินใจซื้อของเรา นั่นคือการตลาดแบบ Seeding เป็นสิ่งสำคัญในการขายสินค้า!

## การทำ Seeding Marketing มีผลต่อ SEO ด้วยไหม

แน่นอนการทำ Seeding ไม่ได้มีไว้เพียงแค่โชว์จุดแข็งของสินค้าของเราเท่านั้นค่ะ แต่ผลพลอยได้ที่ตามมาคือ เราสามารถทำให้ Keywords ของสินค้าเราติด SEO ได้ด้วยเช่นกัน หากสงสัยว่า SEO คืออะไร คำตอบง่ายๆ ก็คือ การที่สินค้าเราขึ้นหน้าแรกใน Google โดยที่เราสามารถทำ Seeding Marketing ไปพร้อมๆ กับการทำ SEO โดยมีการเลือกใช้คีย์เวิร์ด 3 รูปแบบดังนี้

1. คีย์เวิร์ดเชิงแนะนำ เช่น ซื้อที่ไหน มีที่ไหน หาซื้อได้ที่ไหน ทำดีไหม เป็นต้น

2. คีย์เวิร์ดเชิงปัญหา เวลาที่เกิดปัญหา บอกได้เลยว่า ทุกๆ คนมักจะมาหาวิธีการแก้ปัญหาบน googleอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นอาจจะตั้งดีย์เวิร์ดเชิงแก้ปัญหาก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว

3. check here คีย์เวิร์ดแบรนด์ แบบนี้ก็จะมีทั้งชื่อแบรนด์โดยตรง และการถามว่าแบรนด์ดีไหม อันนี้เราสามารถเลือกใช้ได้เลย

ในการเลือกคีย์เวิร์ดตามที่กล่าวมานั้นมีความสำคัญ การเขียนที่มีทักษะสำคัญกว่า การใช้ภาษา และการโน้มน้าวให้ผู้คนสนใจในคอมเมนต์นั้นๆ ยังไงก็อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ Seeding Marketing นะจ๊ะ ถ้าโป๊ะ นี่จบเลยนะ…

วิธีการสร้างชื่อให้สินค้าของคุณเป็นที่รู้จักนั้น มีหลากหลายแนวทางด้วยกัน ซึ่ง

วิธีการใช้รับจ้างรีวิวสินค้า ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยเครื่องมือทันสมัย และความคิดสร้างสรรค์ของนักรีวิวที่หลากหลายจนยากจะคาดเดา หรือแม้แต่การรีวิวแบบตรงไปตรงมา ที่ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ติดตาม ต่างช่วยดันยอดขายสินค้าให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่การจะใช้บริการรับจ้างรีวิวสินค้าจำเป็นต้องเลือกอย่างระมัดระวัง ดังวลีที่ว่า “Put the right man on the right job” จงใช้คนให้ถูกกับงาน เพื่อผลลัพธ์ที่ดี การเลือกผู้รีวิวสินค้าให้กับคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ

ก่อนที่จะจ้างคนรีวิวสินค้า เราจำเป็นต้องรู้จักสิ่งที่เราขายก่อนว่า ใครคือกลุ่มเป้าหมาย ควรใช้บทความ รูปภาพ หรือวิดีโอแบบไหน จึงจะชูให้สินค้าน่าสนใจ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้การเลือกนักรีวิวง่ายขึ้นหรืออินฟลูเอนเซอร์ได้ง่ายขึ้น เพราะแต่ละคนมีจุดเด่นแตกต่างกัน เช่น ทัศนคติ ความเชี่ยวชาญ วัย รวมถึงสิ่งที่ชอบของผู้ติดตามด้วย

ลำดับต่อไปคือการหานักรีวิวหรืออินฟลูเอนเซอร์ หลังจากทำการวิเคราะห์แล้วว่า ลูกค้าเป้าหมายรวมตัวกันอยู่ช่องทางใดเป็นส่วนใหญ่ ให้เราไปหาข้อมูลเหล่าผู้รับจ้างจากช่องทางนั้น ๆได้เลย เช่น read more ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยมอย่าง Facebook, Instagram, TikTok, Twitter หรือ Youtube

หลังจากพบนักรีวิวที่น่าสนใจ ให้คุณค่อย ๆ ใช้เวลาเลือกสรรโดยเริ่มจากการดูผลงานที่ผ่านมาของเขา เพื่อให้ทราบถึงคุณภาพของผลงาน สไตล์การนำเสนอ ลักษณะนิสัย รวมไปถึงทิศทางของผู้ติดตามต่อสินค้าใดสินค้าหนึ่งหลังปล่อยผลงานไป และพยายามมีตัวเลือกหลายๆ คน เพื่อเปรียบเทียบผลงาน เพราะแม้จะดูภาพรวมแล้วแต่ละคนมีผลงานที่คล้ายกัน แต่เมื่อดูอย่างละเอียดจะพบรายละเอียดที่มองข้ามไป ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อสินค้าของคุณในระยะยาวได้

เมื่อเราได้นักรับจ้างรีวิวสินค้าแล้ว ให้เฝ้าดูผลงานต่อไป หากได้ผลตอบรับที่ดี ให้คุณลองมองหาผู้รีวิวรายใหม่เพิ่ม เพื่อเสริมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งในช่วงแรกควรเป็นบนแพลตฟอร์มเดิม เพื่อคงฐานลูกค้าและให้ลูกค้าใหม่เห็นสินค้าของคุณ

อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการประหยัดเวลา หรือลดความเสี่ยงในการทำการตลาด การจ้างนักวางแผนการตลาดให้หานักรีวิวสินค้าอีกทีก็เป็นวิธีที่ดี และมีผลดีในระยะยาวต่อสินค้าของคุณอีกด้วย